ลดความอ้วน เพื่อให้มีรูปร่างที่ดีอาจจะต้องใช้เวลานาน แต่การดูดไขมันช่วยให้เราสามารถมีรูปร่างที่ดีได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งการดูดไขมันเฉพาะส่วนนั้นจะช่วยให้เราแก้ไขปัญหาไขมันส่วนเกินในร่างกายได้ โดยเห็นผลลัพท์ไวที่สุด
สำหรับประเภทการดูดไขมันมีดังต่อไปนี้
1. Body Tite
การดูดไขมันแบบ Body Tite คือการดูดสลายไขมันพร้อมยกกระชับผิวในครั้งเดียว ซึ่งการทำงานของเครื่อง Body Tite จะใช้พลังงานความร้อนผ่านคลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) ผ่านท่อเข้ายังชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ตัวเครื่องจะกระจายความร้อนเพื่อให้ไขมันละลาย ข้อดีของเครื่อง Body Tite คือผิวจะเรียบเนียนขึ้นหลังจากดูดไขมัน ไม่เป็นคลื่นผิวเปลือกส้ม แผลเล็ก หลังจากดูดไขมันเสร็จแล้วคนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันที
2. Vaser
การทำงานของเครื่อง Vaser Smooth Liposuction คือการดูดไขมันด้วยพลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ ที่ช่วยให้ไขมันแตกตัวเป็นของเหลว ทำให้ง่ายต่อการดูดออกมา ข้อดีของการดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser คือสามารถดูดไขมันออกมาได้ในปริมาณมาก เหมาะสำหรับการดูดไขมันในพื้นที่ชั้นผิวหนังบริเวณกว้าง เช่นบริเวณไขมันหน้าท้อง ต้นขา
3. Body Jet
การดูดไขมันแบบ Body Jet คือการใช้น้ำเป็นโดยใช้พลังงานน้ำแยกชั้นไขมันออกจากเนื้อเยื่อ อุปกรณ์จะไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบ ๆ เซลล์ไขมัน รวมไปถึงชั้นคอลลาเจนและเส้นเลือดต่างๆ ซึ่งจะทำให้การดูดไขมันปลอดภัยกว่า อาการบวมช้ำน้อยและหายเร็วกว่าการดูดไขมันทั่วๆ ไป
หลังดูดไขมันเรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะแนะนำให้สวมชุดยกกระชับหลังดูดไขมันในช่วง 1 เดือนแรกอย่างเคร่งครัด เพื่อให้รูปร่างกระชับไม่หย่อนคล้อย
และเมื่ออาการบวมลดลง คนไข้ควรสวมใส่ชุดกระชับหลังการดูดไขมันออกไปอีกราว 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับคำแนะนำจากแพทย์ที่ให้การรักษา เนื่องจากปริมาณไขมันที่ทำการดูดออกของคนไข้ รวมถึงสภาพผิวและอายุของบุคคลนั้น ๆ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 087 605 0666
LINE: @purewear
ติดตามเราได้ที่
Facebook: @Purewear.th
Instagram: purewear_brand